กรอบแนวคิดการคิดวิเคราะห์
การคิดวิเคราะห์
หมายถึง ความสามารถในการแยกแยะเรื่องราวต่างๆ ออกเป็นส่วยย่อยๆ หรือแง่มุมต่างๆ
ซึ่งจะทำให้เกิดความเข้าใจ และสามารถค้นพบสิ่งต่างๆ
เกี่ยวกับเรื่องนั้นได้ง่ายขึ้น จะเห็นได้ว่าความสามารถดังกล่าวจะต้องส่งเสริมให้เกิดกับผู้เรียนในยุคปัจจุบัน
เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเผชิญกับสถานการณ์ต่างๆ และคิดวิเคราะห์เรื่องราวต่างๆ ได้
สามารถเลือกปฏิบัติหรือเลือกเชื่อในสิ่งที่ถูกต้องได้ รวมถึงสามารถ
ดารงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข
กรอบแนวคิดการคิดสร้างสรรค์
การคิดสร้างสรรค์
หมายถึง
ความสามารถทางสมองของแต่ละบุคคลในการคิดได้กว้างไกลหลายทิศทางหรือที่เรียกว่าความคิดอเนกนัย
(Divergent
thinking) โดยการแสดงออกทางความคิดหรือการกระทำที่เกิดจากการเรียนรู้
และจากการเชื่อมโยงประสบการณ์เก่ากับประสบการณใหม่เข้าด้วยกัน และทำให้เกิด เป็นผลงานหรือผลผลิตที่มีลักษณะแปลกๆ
ใหม่ๆ รวมถึงการคิดค้นพบวิธีการแก้ปัญหาได้สำเร็จอีกด้วย
ความคิดสร้างสรรค์ประกอบด้วยความสามารถต่างๆ (Ability) 4
ประการ คือ ความคิดคล่อง (Fluency) ความคิดยืดหยุ่น (Flexibility)
ความคิดริเริ่ม (Originality) และความคิดละเอียดลออ
(Elaboration) (จารุณี ซามาตย์, 2552)
1.
ความคิดคลอง (Fluency)
หมายถึง การคิดหาคำตอบได้อย่างคล่องแคล่ว รวดเร็ว มีปริมาณมาก
หรือหลากหลายทางเลือกในการแก้ปัญหา ซึ่งเกิดจากความเข้าใจ (Understanding) ไม่ใช่ความจำ ในเวลาที่จำกัด
2. ความคิดยืดหยุ่น (Flexibility) หมายถึง การคิดเปลี่ยนแปลงได้อย่างเป็นประโยชน์ หรือสามารถเปลี่ยนกฎหลักการ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเดียวกันได้ ความคิดยืดหยุ่น เป็นตัวเสริมความคิดคลอง (Fluency) ให้มีความแปลกแตกตางออกไป หลีกเลี่ยงการซ้ำซอน หรือเพิ่มคุณภาพความคิดให้มากขึ้น (Guilford, 1967) โดยสามารถนาสิ่งที่คิดได้มาจัดประเภทได้ สามารถแบ่ง จำแนกแยะแยะได้ สามารถจัดหมวดหมู่ได้คิดไม่ซ้ำกัน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการแก้ปัญหา โดยที่ความคิดยืดหยุ่นสามารถเกิดขึ้นในทันทีและดัดแปลงได้ นับได้ว่าความคิดยืดหยุ่น มีประโยชน์ โดยชวยให้ความคิดมีคุณภาพดีขึ้น คาสำคัญที่แสดงความคิดยืดหยุ่น
3. ความคิดริเริ่ม (Originality) หมายถึง ลักษณะความคิดแปลกใหม่ต่างจากความคิดธรรมดาหรือความคิดง่าย ๆ ความคิดริเริ่มเป็นความคิดที่มีประโยชน์ต่อสังคม ความคิดริเริ่มถูกค้นพบโดย Garnett (1919) โดยเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “Cleverness” ความคิดริเริ่มอาจเกิดจากการนำเอาความรูเดิมมาดัดแปลงและประยุกต์ให้เกิดสิ่งใหม่ลักษณะของการคิดสร้างสรรค์จึงเป็น ความคิดที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกและแปลกแตกต่างจากความคิดเดิม และอาจไม่เคยมีใครนึกถึงมาก่อน ความคิดริเริ่มตองอาศัยความคิดจินตนาการ แต่ไม่ใช่เพียงคิดอย่างเดียว จำเป็นต้องคิดสร้าง และ หาหนทางทำให้เกิดผลงาน เชน มีคนกล่าววาคนที่คิดจะบินนั้นเป็นแคจินตนาการและไมมีทางเป็นไปได้ต่อมาพี่น้องตระกูลไรต์ สามารถที่จะคิดประดิษฐ์เครื่องบินได้ คำสำคัญที่แสดงความคิดริเริ่ม
4. ความคิดละเอียดลออ (Elaboration) หมายถึง ความสามารถ (Ability) ที่ทำให้เกิดความคิดได้ดีขึ้น หรือฉลาดขึ้น โดยสร้างจากความเข้าใจในตัวมันเอง เป็นลักษณะของความคิดที่ละเอียดช่างสังเกต ในการคิดรายละเอียดเพื่อตกแต่ง หรือขยายความคิดริเริ่ม ให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลของการคิดเรื่องการแสดงความหมาย การประสานความคิด ติดตามผลงาน ตระหนักถึงความสำเร็จคำสำคัญที่แสดงความคิดละเอียดลออ
2. ความคิดยืดหยุ่น (Flexibility) หมายถึง การคิดเปลี่ยนแปลงได้อย่างเป็นประโยชน์ หรือสามารถเปลี่ยนกฎหลักการ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเดียวกันได้ ความคิดยืดหยุ่น เป็นตัวเสริมความคิดคลอง (Fluency) ให้มีความแปลกแตกตางออกไป หลีกเลี่ยงการซ้ำซอน หรือเพิ่มคุณภาพความคิดให้มากขึ้น (Guilford, 1967) โดยสามารถนาสิ่งที่คิดได้มาจัดประเภทได้ สามารถแบ่ง จำแนกแยะแยะได้ สามารถจัดหมวดหมู่ได้คิดไม่ซ้ำกัน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการแก้ปัญหา โดยที่ความคิดยืดหยุ่นสามารถเกิดขึ้นในทันทีและดัดแปลงได้ นับได้ว่าความคิดยืดหยุ่น มีประโยชน์ โดยชวยให้ความคิดมีคุณภาพดีขึ้น คาสำคัญที่แสดงความคิดยืดหยุ่น
3. ความคิดริเริ่ม (Originality) หมายถึง ลักษณะความคิดแปลกใหม่ต่างจากความคิดธรรมดาหรือความคิดง่าย ๆ ความคิดริเริ่มเป็นความคิดที่มีประโยชน์ต่อสังคม ความคิดริเริ่มถูกค้นพบโดย Garnett (1919) โดยเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “Cleverness” ความคิดริเริ่มอาจเกิดจากการนำเอาความรูเดิมมาดัดแปลงและประยุกต์ให้เกิดสิ่งใหม่ลักษณะของการคิดสร้างสรรค์จึงเป็น ความคิดที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกและแปลกแตกต่างจากความคิดเดิม และอาจไม่เคยมีใครนึกถึงมาก่อน ความคิดริเริ่มตองอาศัยความคิดจินตนาการ แต่ไม่ใช่เพียงคิดอย่างเดียว จำเป็นต้องคิดสร้าง และ หาหนทางทำให้เกิดผลงาน เชน มีคนกล่าววาคนที่คิดจะบินนั้นเป็นแคจินตนาการและไมมีทางเป็นไปได้ต่อมาพี่น้องตระกูลไรต์ สามารถที่จะคิดประดิษฐ์เครื่องบินได้ คำสำคัญที่แสดงความคิดริเริ่ม
4. ความคิดละเอียดลออ (Elaboration) หมายถึง ความสามารถ (Ability) ที่ทำให้เกิดความคิดได้ดีขึ้น หรือฉลาดขึ้น โดยสร้างจากความเข้าใจในตัวมันเอง เป็นลักษณะของความคิดที่ละเอียดช่างสังเกต ในการคิดรายละเอียดเพื่อตกแต่ง หรือขยายความคิดริเริ่ม ให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลของการคิดเรื่องการแสดงความหมาย การประสานความคิด ติดตามผลงาน ตระหนักถึงความสำเร็จคำสำคัญที่แสดงความคิดละเอียดลออ
ความคิดเห็นเกี่ยวกับลักษณะของเนื้อหาที่เหมาะสมในการใช้หลักการหรือทฤษฎีการคิด
มาเป็นพื้นฐานในการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้
ในการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้
โดยใช้หลักการหรือทฤษฏีการคิดมาเป็นพื้นฐานนั้น
ชื่อหลักการหรือทฤษฏีก็บ่งบอกชัดเจนว่า เนื้อหาที่จะนำมาใช้ในการจัดการเรียนการสอนนั้นจะต้องกระตุ้นให้ผู้เรียนได้คิด
ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้ใช้ทักษะการคิดที่มาก
ส่วนต้องการให้ผู้เรียนได้คิดในระดับไหนนั้น
ครูผู้สอนจะต้องออกแบบการเรียนการสอนให้ตอบสนองให้ได้มากที่สุด
ซึ่งอาจสรุปลักษณะของเนื้อหาได้ ดังนี้
1. เนื้อหาที่จะจัดการเรียนการสอนนั้นจะต้องเรียนรู้ หรือทำความเข้าใจผ่านกระบวนการคิด ไม่ใช่เพียงการอ่านและจดจำเท่านั้น
2. เนื้อหาต้องมีลักษณะที่ยากต่อการทำความเข้าใจ ผู้เรียนไม่สามารถคาดเดาคำตอบ หรือเนื้อหาได้ หากยังไม่ได้ผ่านกระบวนการศึกษาและกระบวนการคิดมาก่อน
3. เนื้อหานั้นจะต้องเป็นเนื้อหาที่ส่งเสริมกระบวนการคิด หรือเป็นเนื้อหาที่ชวนให้ผู้เรียนสงสัยอยากรู้คำตอบ อยากคิดหาคำตอบ
4. เนื้อหาที่มีลักษณะเป็น Data ที่ยังไม่ใช่ Information เนื้อประเภทนี้จะต้องให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง ทดลอง ค้นคว้า วิเคราะห์ เช่น วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ สังคมศึกษา เทคโนโลยี ฯลฯ สามารถกระทำได้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ เพียงแค่รู้จักจัดกิจกรรมให้มีประสิทธิภาพ
5.เนื้อหานั้นจะต้องไม่เป็นเนื้อหาที่ง่าย ไม่ใช่เนื้อหาที่ต้องการการเรียนรู้แบบจดจำ หรือทำความเข้าใจโดยไม่กระตุ้นการคิดของผู้เรียนเลย
1. เนื้อหาที่จะจัดการเรียนการสอนนั้นจะต้องเรียนรู้ หรือทำความเข้าใจผ่านกระบวนการคิด ไม่ใช่เพียงการอ่านและจดจำเท่านั้น
2. เนื้อหาต้องมีลักษณะที่ยากต่อการทำความเข้าใจ ผู้เรียนไม่สามารถคาดเดาคำตอบ หรือเนื้อหาได้ หากยังไม่ได้ผ่านกระบวนการศึกษาและกระบวนการคิดมาก่อน
3. เนื้อหานั้นจะต้องเป็นเนื้อหาที่ส่งเสริมกระบวนการคิด หรือเป็นเนื้อหาที่ชวนให้ผู้เรียนสงสัยอยากรู้คำตอบ อยากคิดหาคำตอบ
4. เนื้อหาที่มีลักษณะเป็น Data ที่ยังไม่ใช่ Information เนื้อประเภทนี้จะต้องให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง ทดลอง ค้นคว้า วิเคราะห์ เช่น วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ สังคมศึกษา เทคโนโลยี ฯลฯ สามารถกระทำได้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ เพียงแค่รู้จักจัดกิจกรรมให้มีประสิทธิภาพ
5.เนื้อหานั้นจะต้องไม่เป็นเนื้อหาที่ง่าย ไม่ใช่เนื้อหาที่ต้องการการเรียนรู้แบบจดจำ หรือทำความเข้าใจโดยไม่กระตุ้นการคิดของผู้เรียนเลย
การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้อย่างไร
1.
ขั้นกำหนดปัญหา ปัญหาที่นำมาใช้ในบทเรียนอาจได้มาจากแหล่งต่างๆ
เช่น ภาพเหตุการณ์ การสาธิต การเล่าเรื่อง การให้ดูภาพยนตร์ สไลด์ การทายปัญหา เกม
ข่าว เหตุการณ์ประจาวันที่น่าสนใจ การสร้างสถานการณ์ปัญหา บทบาทสมมติ ของจริง
หรือสถานการณ์จริง
โดยในขั้นตอนต้องกำหนดปัญหาให้ท้าทาย และจะต้องเป็นปัญหาที่ผู้เรียนต้องใช้กระบวนการคิดและกระบวนการอื่นๆเข้ามาร่วมด้วยเพื่อให้ได้มาซึ่งคำตอบ
โดยในขั้นตอนต้องกำหนดปัญหาให้ท้าทาย และจะต้องเป็นปัญหาที่ผู้เรียนต้องใช้กระบวนการคิดและกระบวนการอื่นๆเข้ามาร่วมด้วยเพื่อให้ได้มาซึ่งคำตอบ
2.
ขั้นตั้งสมมติฐาน สมมติฐานจะเกิดขึ้นได้จากการสังเกต
การเก็บรวบรวมข้อมูล ข้อเท็จจริงประสบการณ์เดิม
จนสามารถนามาคาดคะเนคาตอบของปัญหาอย่างมีเหตุผล
เราต้องการให้ผู้เรียนเกิดกระบวนการคิดในรูปแบบใด และกระบวนการคิดของผู้เรียนที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร จะต้องมีการบันทึกไว้ด้วย
เราต้องการให้ผู้เรียนเกิดกระบวนการคิดในรูปแบบใด และกระบวนการคิดของผู้เรียนที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร จะต้องมีการบันทึกไว้ด้วย
3.
ขั้นเก็บรวบรวมข้อมูล เป็นขั้นตอนของการเก็บรวบรวมข้อมูลจากการอ่าน
สังเกต การสัมภาษณ์ การสืบค้นข้อมูลด้วยวิธีการต่างๆ ที่หลากหลายหรือการทดลอง
มีการจดบันทึกข้อมูลอย่างละเอียด เพื่อนาไปวิเคราะห์ข้อมูลให้ได้คำตอบของปัญหาในที่สุด
จากขั้นที่ 2 เครื่องที่จะใช้ในการเก็บข้อมูลของผู้เรียนเป็นอย่างไร มีอะไรบ้าง
จากขั้นที่ 2 เครื่องที่จะใช้ในการเก็บข้อมูลของผู้เรียนเป็นอย่างไร มีอะไรบ้าง
4.
ขั้นวิเคราะห์ข้อมูล เป็นขั้นตอนนาเสนอข้อมูลที่ได้จากการสืบค้น
หรือทาการทดลองนามาตีแผ่เปิดโอกาสให้ผู้เรียน ได้มีการอภิปราย ซักถาม ตอบคาถาม
แสดงความคิดเห็น โดยมีผู้สอนเป็นผู้คอยแนะนา ช่วยเหลือ อันจะนาไปสู่การสรุปข้อมูลในขั้นตอนต่อไป
นำข้อมูลจากการเก็บเพื่อมาวิเคราะห์ถึงกระบวนการเกิด กระบวนการคิด ของผู้เรียน ที่เกิดขึ้นว่าเป้นอย่างไร ตรงตามที่เราต้องไว้หรือไม่
นำข้อมูลจากการเก็บเพื่อมาวิเคราะห์ถึงกระบวนการเกิด กระบวนการคิด ของผู้เรียน ที่เกิดขึ้นว่าเป้นอย่างไร ตรงตามที่เราต้องไว้หรือไม่
5.
ขั้นสรุปและประเมินผล เป็นขั้นสุดท้ายของกระบวนการเรียนรู้แบบกระบวนการแก้ปัญหาเป็นการสรุปข้อมูลที่ได้จากแหล่งต่างๆ
แล้วสรุปเป็นผลการเรียนรู้
หลังจากนั้นผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันอภิปรายผลการเรียนรู้ด้วยวิธีการต่างๆ
อย่างหลากหลาย และนำผลการประเมินไปใช้ในการพัฒนาผู้เรียนต่อไป
หลังจากวิเคราะห์แล้วก็สรุปผลถึงกระบวนการคิด รวมทั้งประเมินว่าการเรียนการสอนรูปแบบนี้เป็นเช่นไร จะพัฒนา ปรับปรุงแก้ไขตรงไหนได้บ้าง
หลังจากวิเคราะห์แล้วก็สรุปผลถึงกระบวนการคิด รวมทั้งประเมินว่าการเรียนการสอนรูปแบบนี้เป็นเช่นไร จะพัฒนา ปรับปรุงแก้ไขตรงไหนได้บ้าง